การยื่นบัญชีระบุพยานในคดีแพ่ง

การยื่นบัญชีระบุพยานก็เพื่อให้คู่ความแต่ละฝ่ายได้มีโอกาสทราบว่าคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งจะอ้างพยานหลักฐานใด เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการจู่โจมทางพยาน

 

ป.วิ.แพ่ง ม.88  เมื่อคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงที่จะอ้างอิงเอกสารฉบับใดหรือคำเบิกความของพยานคนใด หรือมีความจำนงที่จะให้ศาลตรวจบุคคล วัตถุ สถานที่ หรืออ้างอิงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญที่ศาลตั้งหรือความเห็นของผู้มีความรู้เชี่ยวชาญ เพื่อเป็นพยานหลักฐานสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน ให้คู่ความฝ่ายนั้นยื่นบัญชีระบุพยานต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่าเจ็ดวัน โดยแสดงเอกสารหรือสภาพของเอกสารที่จะอ้าง และรายชื่อ ที่อยู่ของบุคคล ผู้มีความรู้เชี่ยวชาญ วัตถุ หรือสถานที่ซึ่งคู่ความฝ่ายนั้นระบุอ้างเป็นพยานหลักฐาน หรือขอให้ศาลไปตรวจ หรือขอให้ตั้งผู้เชี่ยวชาญแล้วแต่กรณี พร้อมทั้งสำเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวในจำนวนที่เพียงพอ เพื่อให้คู่ความฝ่ายอื่นมารับไปจากเจ้าพนักงานศาล

ถ้าคู่ความฝ่ายใดมีความจำนงจะยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ให้ยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติมต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมและสำเนาบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมดังกล่าวได้ภายในสิบห้าวันนับแต่วันสืบพยาน

เมื่อระยะเวลาที่กำหนดให้ยื่นบัญชีระบุพยานตามวรรคหนึ่งหรือวรรคสองแล้วแต่กรณี ได้สิ้นสุดลงแล้ว ถ้าคู่ความฝ่ายใดซึ่งได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว มีเหตุอันสมควรแสดงได้ว่าตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตนหรือไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ หรือมีเหตุอันสมควรอื่นใด หรือถ้าคู่ความฝ่ายใดซึ่งมิได้ยื่นบัญชีระบุพยาน แสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลได้ว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาดังกล่าวได้ คู่ความฝ่ายนั้นอาจยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเช่นว่านั้นต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานและสำเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาคดีและถ้าศาลเห็นว่า เพื่อให้การวินิจฉัยชี้ขาดข้อสำคัญแห่งประเด็นเป็นไปโดยเที่ยงธรรม จำเป็นจะต้องสืบพยานหลักฐานเช่นว่านั้น ก็ให้ศาลอนุญาตตามคำร้อง

 

คู่ความที่จะอ้างเอกสาร บุคคล วัตถุ สถานที่ เป็นพยานหลักฐานเพื่อสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงของตน จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานและสำเนาเอกสาร ตาม ม.88 , 90 มิฉะนั้นจะนำสืบพยานหลักฐานไม่ได้ และห้ามมิให้ศาลรับฟังพยานหลักฐานนั้น เว้นแต่ศาลจะเห็นว่าเป็นพยานหลักฐานอันสำคัญ ซึ่งเกี่ยวกับประเด็นข้อสำคัญในคดี ตาม ม.87 (2)

 

1. การยื่นบัญชีระบุพยานครั้งแรก ต้องยื่นต่อศาลก่อนวันสืบพยานไม่น้อยกว่า 7 วัน พร้อมสำเนาบัญชีระบุพยาน

ต้องยื่นภายในกำหนด ไม่ว่าคู่ความฝ่ายใดจะมีหน้าที่นำสืบก่อนหรือหลัง

วันสืบพยาน คือ วันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยาน (วันแรกที่มีการสืบพยานกันจริงๆ)

ถ้าในวันนัดสืบพยาน แล้วเลื่อนคดีไป วันนั้นก็ไม่ใช่วันสืบพยาน ก็ยื่นบัญชีระบุพยานได้

ระยะเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน คือ นับถัดจากวันยื่น – ถึงก่อนวันสืบพยาน (ต้องว่าง 7 วัน ไม่นับวันยื่นกับวันสืบพยาน) เช่น นัดสืบพยานวันที่ 9 ก็ต้องยื่นบัญชีระบุพยานภายในวันที่ 1 หรือถ้านับรวมก็ 9 วัน

 

รายละเอียดในบัญชีระบุพยาน

ถ้าอ้างเอกสารเป็นพยาน ต้องระบุเอกสารหรือสภาพของเอกสารที่จะอ้าง

ถ้าอ้างบุคคลเป็นพยาน ต้องระบุรายชื่อและที่อยู่ของบุคคลนั้น

ถ้าอ้างวัตถุหรือสถานที่ ต้องระบุวัตถุ หรือสถานที่ว่าเป็นอะไร อยู่ที่ไหน

 

2. การยื่นบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม ต้องยื่นภายใน 15 วัน นับแต่วันสืบพยาน โดยยื่นคำแถลงขอระบุพยานเพิ่มเติม พร้อมกับบัญชีระบุพยานเพิ่มเติมและสำเนาบัญชีระบุพยานเพิ่มเติม

 

3. การขออนุญาตยื่นบัญชีระบุพยานเมื่อระยะเวลาตาม ม.88 ว.1 ว.2 ได้สิ้นสุดลงแล้ว

คู่ความอาจขอยื่นบัญชีระบุพยานได้อีกตาม ม.88 ว.3 โดยยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเช่นว่านั้นต่อศาลพร้อมกับบัญชีระบุพยานและสำเนาบัญชีระบุพยานดังกล่าวไม่ว่าเวลาใด ๆ ก่อนพิพากษาคดี พร้อมทั้งแสดงเหตุผลอันสมควรว่า

 

3.1 กรณีที่ได้ยื่นบัญชีระบุพยานไว้แล้ว

1. ตนไม่สามารถทราบได้ว่าต้องนำพยานหลักฐานบางอย่างมาสืบเพื่อประโยชน์ของตน หรือ

2. ไม่ทราบว่าพยานหลักฐานบางอย่างได้มีอยู่ หรือ

3. มีเหตุอันสมควรอื่นใด

 

3.2 กรณีที่ไม่ได้ยื่นบัญชีระบุพยาน

ต้องแสดงให้เป็นที่พอใจแก่ศาลว่า มีเหตุอันสมควรที่ไม่สามารถยื่นบัญชีระบุพยานตามกำหนดเวลาได้

 

ในชั้นไต่สวนคำร้องคำขอ ไม่อยู่ในบังคับที่จะต้องยื่นบัญชีระบุพยานตาม ม.88 เพราะไม่ใช่เพื่อสนับสนุนข้ออ้างหรือข้อเถียงในประเด็นข้อพิพาทแห่งคดี (ควรยื่น)

 

เอกสารประกอบการถามค้าน ที่พยานของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งรับรองแล้ว ไม่ต้องระบุในบัญชีระบุพยาน เพราะถือว่าเป็นพยานหลักฐานของคู่ความอีกฝ่ายหนึ่ง

 

ในชั้นอุทธรณ์ และฎีกา คู่ความอาจยื่นคำร้องขออนุญาตอ้างพยานหลักฐานเพิ่มเติมเข้าไปได้ตาม ม.88 ว.3